
มันสำปะหลัง (Manihot esculenta Crantz) เป็นพืชหัวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่นิยมปลูกในหมู่เกษตรกรไทย เนื่องจากสามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี เจริญเติบโตได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และง่ายต่อการขยายพันธุ์ ทำให้เหมาะสำหรับเกษตรกรที่มีทุนน้อย
สถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังของไทย
ตามรายงาน Agricultural Statistics of Thailand ปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตมันสำปะหลังอันดับ 3 ของโลกรองจากไนจีเรียและคองโก โดยมีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.92 ล้านไร่ โดยมีตลาดหลักในการส่งออกคือจีนและญี่ปุ่น (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2567) โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่เพาะปลูกหลัก เนื่องจากลักษณะดินร่วนปนทรายและดินเค็มที่เหมาะกับการปลูกมันสำปะหลัง (Ploddee et al., 2560; El-Sharkawy, 2555; ขวัญสุดาและคณะ, 2565) จังหวัดที่มีการปลูกมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ และกำแพงเพชร
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2567 พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตมันสำปะหลังลดลงเหลือ 33.54 ล้านตัน และมูลค่าการส่งออกลดลง 17.40% จากปี พ.ศ. 2566 (ศูนย์สารสนเทศการเกษตร, สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร). ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลผลิตลดลง ได้แก่ ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งแพร่กระจายผ่านทางท่อนพันธุ์ที่ติดเชื้อและแมลงหวี่ขาวยาสูบ (Bemisia tabaci) ผลกระทบนี้ทำให้เกษตรกรบางส่วนเลือกปลูกพืชอื่น เช่น อ้อยโรงงานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้พื้นที่เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังลดลงจาก 9.27 ล้านไร่ในปี พ.ศ. 2566 เหลือ 8.68 ล้านไร่ในปี พ.ศ. 2567 (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2567).
แนวโน้มตลาดและอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง
ในปี พ.ศ. 2568-2569 คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่เก็บเกี่ยวขยายตัวตามความต้องการของตลาด ซึ่งเติบโตเฉลี่ย 3.0-5.0% ต่อปี ราคาหัวมันสดในปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 3.10-3.30 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากอุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมแปรรูป เช่น การผลิตเอทานอล อาหารสัตว์ และแอลกอฮอล์
ตามการวิเคราะห์ของ สถาบันวิจัยกรุงศรี อุตสาหกรรมมันสำปะหลังมีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมพลังงานและอาหารสัตว์ รวมถึงความต้องการสต๊อกสินค้าเพื่อความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังต้องเฝ้าระวังคือผลกระทบจากสภาพอากาศและโรคพืช โดยเฉพาะโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตลดลงหากท่อนพันธุ์ขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น
ในปี พ.ศ. 2569 คาดว่าราคาหัวมันสำปะหลังจะลดลงอยู่ที่ 2.8-3.0 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่คลี่คลาย ทำให้สภาพอากาศเหมาะสมต่อการเพาะปลูกมากขึ้น (สำนักวิจัยกรุงศรี). ดังนั้น เกษตรกรและผู้ประกอบการจึงควรติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับตัวให้เหมาะสมกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังในอนาคต
อ้างอิง
Ploddee, P., S. Phoona and B. Mokmoor. 2017. Soil Capacity Assessment Guidelines for Planting Cassava in Nakhon Ratchasima. Land Development Department, Bangkok. 132 p. (in Thai)
Krungsri Research. 2024. Industry Outlook 2024-2026: Cassava Industry. (Online). Available: https://www.krungsri.com/en/research/industry/industry-outlook/agriculture/cassava/io/ cassava-2024-2026 (02/20/2025).
El-Sharkawy, M.A. 2012. Stress-tolerant cassava: The role of integrative ecophysiology-breeding research in crop improvement. Open Journal Soil Science 2: 162-186.
ขวัญสุดา ขันบุตร อนันต์ พลธานี ไกรเลิศ ทวีกุล ยศ บริสุทธิ์ และ ไชยธีระ พันธุ์ภักดี. 2566. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการป้องกันโรคใบด่างมันสำปะหลัง ของเกษตรกรในอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ วารสารเกษตร 39(3): 341 – 353 (2566)